ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
เป็นโรคยอดฮิตของคนทำงานออฟฟิศ เกิดจากการนั่งทำงานในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานานติดต่อกัน ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ แขน ข้อมือ และดวงตา มีอาการปวดเมื่อย อักเสบ และอาจเกิดอาการอื่นๆ ตามมา เช่น ปวดศีรษะ ตาล้า ชาปลายนิ้วมือ เป็นต้น
สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม
สาเหตุของโรคออฟฟิศซินโดรม คือ การใช้กล้ามเนื้อซ้ำๆ ในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดออฟฟิศซินโดรม ได้แก่
- สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะทำงานที่สูงหรือต่ำเกินไป เก้าอี้นั่งที่ไม่สบาย แสงสว่างไม่เพียงพอ
- สุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง เช่น น้ำหนักตัวเกิน กล้ามเนื้ออ่อนแอ
- พฤติกรรมการทำงาน เช่น การนั่งทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ลุกเปลี่ยนอิริยาบถ การก้มหน้าใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
ออฟฟิศซินโดรม อาการ
อาการของออฟฟิศซินโดรม มักเกิดขึ้นบริเวณคอ บ่า ไหล่ แขน ข้อมือ และดวงตา โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ปวดเมื่อยบริเวณคอ บ่า ไหล่ แขน ข้อมือ
- ชาปลายนิ้วมือ
- ปวดศีรษะ ตาล้า
- ปวดหลัง
- คลื่นไส้อาเจียน
วิธีป้องกันออฟฟิศซินโดรม
- ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม เช่น ปรับระดับโต๊ะทำงานและเก้าอี้ให้เหมาะสมกับสรีระ
- เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ อย่างน้อยทุก 20-30 นาที
- ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การรักษาออฟฟิศซินโดรม
หากมีอาการของออฟฟิศซินโดรม ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา การรักษาออฟฟิศซินโดรม
- รับประทานยาแก้ปวด
- กายภาพบำบัด
- ฉีดยาลดการอักเสบ
- ฝังเข็ม
ท่าบริหารออฟฟิศซินโดรม
- ท่าที่ 1 ท่าบริหารต้นขา
- ท่าที่ 2 ท่าบริหารไหล่
- ท่าที่ 3 ท่าบริหารแขนและลำตัว
- ท่าที่ 4 ท่าบริหารคอ
- ท่าที่ 5 ท่าบริหารหลังและลำตัว
5 ท่าบริหารออฟฟิศซินโดรม ทำเพียงครั้งละ 3 - 5 นาที เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย และ ให้ร่างกายได้เปลี่ยนอิริยาบถ อย่างน้อยทุก 20-30 นาที